เรื่องเล่าหลังม่านเวทีของเหล่าผีเสื้อราตรี

โดย “ป๊อปปี้” ณัฐมน สะเภาคำ

การท้าทายตัวเองจากคนที่ไม่เคยดูศิลปะแต่โหยหาความสุนทรีในทุกหย่อมชีวิต

“…แล้วเราเคยโดนใครดูถูกบ้างไหม มีเยอะ อย่างสก๊อยเคยโดนไหม โดน จากพวกคู่อริ พวกที่แบบแสร้ง ด่าอีสก๊อย 

คนที่ด่าก็คงเป็นเคยเป็นเหมือนกันแหละพี่เน้าะ ว่าแบบมึงก็เคยต้องผ่านมางั้นไมรู้หรอกว่าสก๊อยเป็นยังไง

ก็ไม่เคยโกรธนะใครที่ว่า ทุกคนเคยผ่านมา หนูก็เคยเป็น…”

“ การใช้ศิลปะเพื่อสื่อสารประเด็นสก๊อยมันจะทำให้คนตั้งคำถามและเปิดโอกาสให้คนเข้าใจกลุ่มคนเหล่านี้ในมิติอื่น ๆ ”

ระหว่างไล่ถามความเห็นคนอื่น ๆ ถึงหัวข้อการทำงาน เสียงของพี่อ้อย ผู้อำนายการสร้างโปรเจคฮิวแมนร้าย ก็มาสะกิดความรู้สึกบางอย่าง ที่ผ่านมาตัวเราค่อนข้างหมกหมุ่นกับหัวข้อ ‘สก๊อย’ ในแง่ของการพัฒนาตัวตนของวัยรุ่นหญิงชนบทในวัฒนธรรมการปลดปล่อย จนถึงขั้นตัดสินใจนำมาเป็นหัวข้อในการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาโท ด้วยความที่ถูกตีตราว่าเป็นสก๊อยมาตั้งแต่มัธยม ผนวกกับจับพลัดจับพลูมาเป็นลูกศิษย์อาจารย์ อรรถจักร สัตยานุรักษ์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้นำเรื่องราวของเด็กแว้นมาตีแผ่ถึงรากถึงโคน เกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านบริบททางสังคมและวัฒนธรรมความเสี่ยงภายใต้ความไม่แน่นอนของชีวิตวัยรุ่นชนบทสมัยใหม่ อันนำไปสู่สภาวะเชิงบังคับให้ต้องตัดสินใจเลือกโดยไม่รู้ว่าต้องเจอกับความไม่แน่นอนใดบ้าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เอื้อให้เกิดวัฒนธรรมแว้น สก๊อยที่ดูวุ่นวายและไร้ระเบียบจนกลายเป็นโจทก์ของสังคมอย่างอยุติธรรม

การก้าวเข้ามาในวงการศิลปะของเราภายใต้โปรเจ็ค Human ร้าย Human wrong ปีที่ 4 นี้ เริ่มจากการหัดดูงานศิลปะตามนิทรรศกาลและแกลอรี่ทั่วเชียงใหม่ เรียนรู้เรื่องเทคนิคและการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านเวิร์คชอปต่าง ๆ ทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันได้ปลุกความสงสัย การสืบค้น และรีรอ ในการคิดกับหัวข้อและลงมือทำผลงานชิ้นนี้อย่างมีสติและสร้างสรรค์ เสมือนได้พบแพสชั่นใหม่ ๆ นอกจากการลงพื้นที่ทำวิจัยให้ตกตะกอนและไม่จมกับข้อมูลและทฤษฎีจนเกินไป

Preproduction การเก็บข้อมูลโดยใช้ผัสสะ

ที่ผ่านมาการลงพื้นที่ตามงานแข่งรถและงานรื่นเริงในจังหวัดนครสวรรค์ โดยโฟกัสแค่การตามหากรณีศึกษาและเก็บข้อมูลสัมภาษณ์ให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าการพูดคุยกับวัยรุ่นที่เสมือนตัวเราในวัยกระเตาะ ทำให้อยากถ่ายทอดเรื่องราวความเจ็บปวดจากชีวิตที่ไม่ราบเรียบ และการเยียวยาตัวเองผ่านเสียงเพลง แสงไฟและความวุ่นวายในวงสนทนา แต่เรากลับไม่เคยใช้ผัสสะหรือร่างกายของเราในการลงพื้นที่เลย เราอาจจะเคยไปกิน นอน เที่ยวกับพวกเขา แต่เราไม่เคยใช้มือในการสัมผัสข้าวของที่มีความหมายกับเขา ลองซิ่งมอเตอร์ไซค์ หรือเคลื่อนไหวร่างกายไปกับเขาเท่าที่ควร แม้แต่การลิ้มรสอาหาร เครื่องดื่มที่พวกเขาชื่นชอบ หรือการใช้หูฟังนอยส์ที่หลากหลายเคลื่อนไปมาระหว่างโสตประสาทสองข้าง ยังพอโชคดีที่ก่อนโควิดได้ถ่ายวิดีโอบรรยากาศงานแข่งขันและงานรื่นเริงเก็บไว้อยู่บ้าง จึงได้ย้อนภาพกลับไปและใช้หูฟังมันอีกครั้ง รวมทั้งลงพื้นที่อีกสักหน ครั้งนี้จะต้องใช้ผัสสะและร่างกายทุกส่วนให้ได้เลย!

กว่าจะออกมาเป็นสื่อผสมและศิลปะจัดวางอย่างที่เห็นนั้น เรารู้แต่ว่ามีข้อมูลเยอะ แต่ไม่รู้จะนำมันออกมาเป็นศิลปะได้อย่างไร ทำอย่างไรถึงจะให้คนตีความงานของเราไปตามข้อความที่ต้องการสื่อด้วยเป้าประสงค์ที่จะสื่อสารชีวิตของ”วัยรุ่นหญิงชานเมืองผู้มักม่วน”(เหมือนตัวเอง) และบอกดัง ๆ ให้ทุกคนได้ฟังว่าเราคือหนึ่งในความหลากหลายที่สรรค์สร้างผ่านร่างกายอันเป็นทุนเดียวและไม่ว่าจะโดนกดเหยียดแค่ไหน สำคัญที่สุดคือเราต่างมีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน

สิ่งแรกที่คิดได้คือ ชุดภาพ ที่ต้องการสื่อให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในชีวิตของวัยรุ่นสก๊อย เช่นถ่ายภาพวัยรุ่นสก๊อยกับรางวัลที่ได้หรือวัตถุสิ่งของที่เก็บหอมรอมริบมาซื้อและมีความหมายกับพวกเธอ แชะภาพคู่กับรถมอเตอร์ไซค์บนถนนหนทางที่เป็นหลุมและห่างไกลความเจริญอย่างที่ไปพบตอนลงพื้นที่สำรวจบ้านน้อง ๆ  ให้ออกมาดูขัดแย้งกับความมั่นใจเต็มเปี่ยมบนใบหน้าของสาว ๆ แต่เมื่อสำรวจสกิลการถ่ายภาพตัวเองและการเซตติ้งต่าง ๆ ซึ่งไม่มีประสบการณ์เลย จึงพบว่าอาจจะถ่ายทอดออกมาไม่ดีพอและอาจถูกตีความไปในทางความลุ่มหลงทางวัตถุนิยมที่เราพยายามต่อต้านบนการตีความวัฒนธรรมวัยรุ่นเหล่านี้

แง่ของศิลปะการจัดวางเพื่อให้ผู้คนมีส่วนร่วม เมื่อได้ยินแนวคิดจากพี่หยอดที่ได้พบเห็นการถ่ายทอดศิลปะ Pole Dance หรือการเต้นรูดเสาของกลุ่มเกย์และมีguidance สอนเต้น ทำให้ย้อนคิดไปถึงตอนไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เราได้ไปชมพิพิธภัญฑ์วัฒนธรรมคนผิวสีที่รวบรวมประวัติศาสตร์และcultureของคนผิวสี สิ่งที่โดดเด่นในนั้นคือเสียงเพลงและท่าเต้น ซึ่งมีพาร์ทที่ใช้วิดีโอสอนเต้น โฮโลแกรมเต็มตัว ซึ่งน่าสนใจและดึงดูดให้ทดลองตามอย่างสนุกสนาน จึงได้แนวคิดว่าต้องทำออกมาเป็นเวทีให้คนดูของเราเฉิดฉายแบบเดียวกับวัยรุ่นสก๊อยบ้าง

จากนี้ไปก็เป็นเสียงเพลง แพลงรถแห่ เพลงตื๊ด ๆ เพลงสามช่ารีมิกซ์ จำเป็นต้องถูกนำมาประกอบด้วยจึงได้ผนวกเข้ากับเสียงสัมภาษณ์ที่มีสะเลย ในตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะทำออกมาได้ แต่โชคชะตาบวกกับสายสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนในวงการศิลปะจึงได้คอนแทคดีเจหนุ่มซึ่งตกงานช่วงโควิดให้มาท้าทายตัวเองด้วยการมิกซ์เพลงวัยรุ่นสก๊อย Skoy’s Desire ออกมาได้อย่างมืออาชีพ 

นอกจากนี้ในการออกแบบวิดีโอสอนเต้น และการถอดท่าเต้นออกมาเป็นสเต็ปก็เป็นเรื่องยากเอาการ เนื่องจากการเต้นแบบนี้มันไม่มีสเต็ป แต่เป็นการ express อารมณ์ของตัวผู้เต้นไปตามจังหวะของเสียงเพลง ต้องยอมรับว่าในตอนแรกของการถ่ายทำเป็นไปอย่างทุลักทุเล น้องนักแสดงเองก็ต้องทนเต้นเพลงที่มีจังหวะเดียวร่วมตั้ง 11 ท่า ต้องขอบคุณจิตใจมักม่วนของพวกเธอจริง ๆ โดยรวมเมื่อทุกอย่างออกมารวมกันแล้วมันคือความสนุกสนานที่โอบล้อมไปด้วยเรื่องราวในชีวิตวัยรุ่นสก๊อยที่เราอยากสื่อ แต่ก็อยากให้ผู้ชมได้สะท้อนย้อนคิดความสนุสนานเหล่านี้ จึงได้เพิ่มฟิลด์โน้ทและภาพบรรยากาศตอนเก็บข้อมูล รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวโดยใช้ภาษาที่ง่ายเหมือนกับเพื่อนเล่าให้ฟังว่าได้ไปพบเจออะไรมาบ้าง  ทำให้งานออกมาเสร็จสมบูรณ์ ครบ จบในครั้งเดียว 


เบื้องหลังองค์ประกอบความคิด และองค์ประกอบของเรื่องราวในงาน

ความเหลื่อมล้ำในชีวิตของวัยรุ่นสก๊อย วัฒนธรรมความบันเทิงและการปลดปล่อย เอกลักษณ์ของวัฒนธรรมสก๊อยถูกถ่ายทอดได้ออกมาด้วยกันสามมุม ส่วนแรกเป็นเวทีที่มีเสียงเพลง สีสัน และวิดีโอสอนเต้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นองค์ประกอบที่ผู้คนจะรับรู้ได้อย่างทันทีว่าเราพูดถึงวัยรุ่นสก๊อยเมื่อเดินเข้ามาเห็นแสงสีและบรรยากาศแห่งความครึกครื้น ส่วนที่สองเป็นชุดภาพของวัยรุ่นสก๊อยที่ไปพบเจอแลกเปลี่ยนกันในงานแข่งรถแห่งหนึ่งซึ่งต่างก็ได้รับรางวัลกันถ้วนหน้าจากความกล้าที่ขึ้นไปเต้นบนเวทีเฉิดฉายด้วยท่วงท่าที่พลิ้วไหวและบิดรถความเร็วสูงในสนามแข่งเพื่อให้ตัวเองเป็นที่จับจ้อง ส่วนสุดท้ายเป็นรูปภาพการลงพื้นที่ ไดอารี่ และ วิดีโอ สารคดีช่วยฉายภาพความเป็นอยู่และการแสวงหาความสนุกสนานยามราตรีของวัยรุ่นสาววัยกระเตาะในย่านชานเมือง

เวทีผีเสื้อราตรี

ส่วนที่1 : เวทีและวิดีโอสอนท่าเต้น พร้อมเสียงเพลงผสมบทสนทนา

ส่วนที่ 1 : เวทีผีเสื้อราตรี

ชิ้นส่วนมอเตอร์ไซค์หลอมรวมออกมาเป็นตัวผีเสื้อราตรีที่ตกแต่งด้วยหลอดไฟนีออนสะท้อนแสงเต้นเร่าเป็นศูนย์กลางอันโดดเด่นจากกำแพงอันเป็นความตั้งใจที่จะอวยยศให้สาว ๆ ทุกคนผู้มีความกล้าหาญขึ้นไปออกลวดลายการเต้น

พวกเธอเปรียบเสมือผีเสื้อกลางคืนที่กระพือปีกให้ธรรมชาติและสัตว์ร้ายยามค่ำคืนจับจ้องมองเห็นว่าพวกตัวเธอใหญ่เพียงใดและพร้อมที่จะโผบินอย่างไร้กังวลขนาดไหนในค่ำคืนนี้  ในแง่ของการจัดวางเวทีที่ตกแต่งด้วยผ้าผืนแดงบ้าน ๆ ตามงานบุญซึ่งผู้เขียนได้ไปร่วมด้วยหลายครั้งตัดสลับกับลายตารางหมากรุกเหมือนเส้นชัยการแข่งขันเพราะในการประกวดเต้นนั้นถือเป็นไฮไลท์สำคัญไม่ต่างไปจากการแข่งขันความเร็วรถมอเตอร์ไซค์

เสียงเพลง เพลงรถแห่ เพลงสามช่ารีมิกซ์ ที่ปกติมักจะทำให้ทุกคนตลกขบขันเพราะเสียงเพลงที่ประเดิดประดาด เนื้อหาห้าวเป้ง ล่อบาทา หรือเกี่ยวกับเรื่องเพศสองแง่สองง่ามนั้น จำเป็นต้องถูกนำมาประกอบด้วยการผนวกเข้ากับเสียงสัมภาษณ์ที่ได้จากการลงพื้นที่ให้กลายเป็นลูกเล่นเล็ก ๆ ที่อยากให้ผู้ชมได้ฟังการเล่าเรื่องที่สุดแสนจะธรรมดาแต่มีน้ำเสียงความตื่นเต้น 

เริ่มจากท่าเบสิค 3 ท่า ประกอบด้วย ‘เก็บผ้า’ ‘ดมกาว’ ‘หัว ไหล่ ตูด’ ปานกลาง 5 ท่า ประกอบด้วย ‘สนเข็ม’ ‘หมุนอก’ ‘เมากาวที่ดมแล้ว’ ‘Twerkไทย’ ‘หมุนเอว’ และ ระดับแอดวานซ์ 3 ท่า ซึ่งเป็นการจับท่าเบสิคและมีเดียมมารวมเป็นเซ็ต ประกอบด้วย ‘สิมดส้ม’ ‘ว่ายน้ำบก’ ‘เลื้อยลงรู’ 

เทพีผีเสื้อราตรี

ส่วนที่ 2 : ภาพถ่าย potrait ชุด 3 ภาพ

ส่วนที่ 2 : เทพีผีเสื้อราตรี

รูปภาพสามภาพนี้มีความสำคัญ มีความทรงจำ และมีความเรื่องราวของแต่ละคนที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ตอนลงพื้นที่ครั้งแรกการแฝงตัวเข้าไปในงานรื่นเริงเฉพาะกลุ่มพร้อมกับกล้องดิจิตอลแบบโปรทำให้เรากลายเป็นช่างภาพที่ดูไม่มีพิษมีภัย โดยสามารถเอากล้องเข้าไปจ่อที่ใครก็ได้ทำให้ตกอยู่ในอำนาจมนต์สะกดจนทุกคนต้องแอคท่าฉีกยิ้มออกมาทุกครั้งไป  

ในภาพแรกเป็นเด็กซิ่งคนหนึ่งที่อายุพึ่งผ่านพ้นวัย 17 เข้าสู่วัยบรรลุนิติภาวะ เธอเป็นตัวบิดประจำหมู่บ้านที่หัดซิ่งตามถนนใหญ่และลงสนามแข่งมานับร้อยครั้ง แม้จะยังไม่ใช่ตัวเต็งที่ใคร ๆ ก็จำได้หรือมียอดฟอลโล่เวอร์มากมาย แต่ฝีมือการบิดมอเตอร์ไซค์เข้าเส้นชัยของเธอด้วยรถ PCX แต่งในระยะทาง 201 เมตร ระยะเบรค 300 เมตรก็ทำให้คนในงานต้องยอมรับในความเก่งกาจห้าวเป้งนี้ การถ่ายภาพเธอด้วยรอยยิ้มกับรถคู่ใจสีแดงจึงเป็นหนึ่งในภาพที่อยากนำมาแชร์

ในรูปที่สอง วัยรุ่นสาวผมสั้นอายุพึ่งเข้ามัธยมได้สองปี สวมเสื้อสายเดี่ยว กางเกงยีนส์ทรงวินเทจพร้อมหัวเข็มขัด รด. กับล้อทองที่ได้มานั้น เธอเข้ามาร่วมงานตั้งแต่ช่วงกลางวันโดยใส่เสื้อยืดวินเทจทับเอาไว้ เมื่อถึงเวลาฟ้ามืดแสงสีเสียงพร้อมซาวน์เช็คและบรรเลงเพลงเธอกับกลุ่มเพื่อนก็พากันเดินเข้าห้องน้ำไปถอดเสื้อยืดออกและขึ้นเวทีไปอย่างมั่นใจปล่อยให้คนดูตาค้างอึ้งกับทรวดทรงที่ซ่อนเก็บไว้ในตอนกลางวัน ลีลาของเธออาจจะสู้แชมป์เปี้ยนไม่ได้แต่ด้วยหน้าตาที่น่ารักและผิวพรรณที่ขาวผ่องทำให้เธอได้รับคะแนนนิยมจากหนุ่ม ๆ และได้รางวัลเป็นล้อทอง เดินกลับมาที่เต้นท์อย่างภาคภูมิใจจนได้ภาพนี้ออกมา

รูปสุดท้าย หญิงสาวอายุใกล้ยี่สิบที่มากับแก๊งค์เพื่อนชุดตาข่ายสีรุ้งนีออนที่ค่อนข้างสนิทด้วยเพราะพูดคุยกับแก๊งค์นี้เยอะพอสมควร เธอสวมใส่ที่คาดผมหูแมว พร้อมยิงฟันโชว์เหล็กดัดอย่างมั่นใจ เป็นการให้ความร่วมมืออย่างดีหลังจากขึ้นลงเวทีไปไม่รู้กี่ครั้ง ขึ้นลงบ่อยจนได้คะแนนความน่าจดจำ เต้นมันส์ ๆ อย่างสะเด่าตั้งแต่ล่างเวที หัวบันได ไปยันบนเวที ลงมาก็เต้นกับแก๊งค์แบบไม่หยุดพัก การได้ล้อสีดำขลับกลับมาก็เป็นรางวัลที่ดีจะได้ไม่ต้องกลับบ้านมือเปล่า เรายังคงติดต่อกันทางเฟซบุ๊กอยู่ตอนนี้เธอตั้งท้องใกล้คลอดแล้วรูปใบนี้จึงเป็นตัวแทนแห่งมิตรภาพของเราในค่ำคืนนั้นอย่างไม่มีวันลืม

เส้นทางของผีเสื้อราตรี

ส่วนที่ 3 : ไดอารี่เส้นทางของผีเสื้อราตรีและเรื่องเล่าเบื้องหลังของพวกเธอ

ส่วนที่ 3 : เส้นทางของผีเสื้อราตรี

ในส่วนของไดอารี่จดบันทึกการกลับไปสานสัมพันธ์ในพื้นที่ที่พวกเธออยู่อาศัย การบันทึกความเป็นอยู่ที่แตกต่างจากสิ่งที่นึกไว้ควรถูกนำมาเล่าต่อและประกอบอยู่ในงานชินนี้เพื่อความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปด้วย ฟิลด์โน้ทและภาพบรรยากาศตอนเก็บข้อมูล รวมทั้งความรู้สึกส่วนตัวต้องการสะท้อนให้เห็นความเหลื่อมล้ำและความพยายามอย่างมากที่จะยกระดับชีวิตของพวกเธอผ่านการสร้างตัวตน ภาพแทน และอัตลักษณ์ความเป็นสก๊อยขึ้นมาต่อหน้าของฉันในงานแข่งรถและงานบันเทิงรื่นเริง ซึ่งปกปิดความจริงที่พวกเธอไม่ต้องการให้รู้ เช่น บ้านเรือนที่อยู่อาศัยอันคับแคบ ครอบครัวที่องค์ประกอบไม่สมบูรณ์ ความรักที่ท็อกซิกและไม่สมหวัง แต่เมื่อพังทลายกำแพงที่กั้นระหว่างกันลงไปด้วยการรับฟังอย่างตั้งใจและไม่ตัดสิน ทำให้พวกเธอก็พร้อมที่ขะจะเปิดใจเล่าความไม่สมบูรณ์พูนสุขให้ฉันฟังเท่าที่ทำได้ 

ชีวิตของพวกเธอเผชิญความเสี่ยงและความไม่ราบรื่นมานักต่อนัก การถูกบีบบังคับให้ต้องเติบโตเกินวัยอันสมควรทำให้บางคนก็มีชีวิตสั้นเกินกว่าที่ฉันจะได้กลับไปสัมภาษณ์

น้องป่าน คือหนึ่งในวัยรุ่นสก๊อยตัวเก๋า ตัวเด็ดที่ฉันได้เจอในวันนั้น ภาพเธอวาดลวดลายในวิดีโอยังโดดเด่นในความทรงจำ รอยยิ้มและท่าทางนอบน้อมของเธอทำให้ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้เป็นขวัญใจคนทั้งงาน 

“ทำไมถึงชอบเต้นหล่ะ”

“มันเหมือนได้ปลดปล่อยอะพี่ อยู่บ้านก็เปิดไลฟ์เต้นไปเฝ้าร้านให้พ่อไป สนุกดีค่ะ”

บทสนทนาสั้น ๆ แต่คิดว่าเธอต้องมีเรื่องเล่ามากกว่านี้ เราตกลงปลงในแลกเฟซบุ๊กกันไว้เพื่อที่ฉันจะได้กลับมาพบเธออีก แต่แล้วในคืนวันหนึ่งเธอก็ได้จากไปด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน ฉันรู้ผ่านเฟซบุ๊กที่มีแต่คนมาร่วมไว้อาลัยให้กับนางฟ้าราตรีคนนี้ ภาพน้องป่านที่ไม่ได้สวมหมวกกันน็อค นอนกองอยู่บนพื้นถนน ด้วยเสื้อตัวจิ๋วและกางเกงยีนส์รัด ๆ เธอเหมือนแค่เมาหลับไปแต่ความเป็นจริงคือเธอคืออีกหนึ่งชีวิตที่ถูกคร่าไปด้วยความไม่ปลอดภัยบนท้องถนน ไฟมืดสลัวบนทางด่วน ตำรวจที่สอดส่อยคอยขับรถไล่ล่าเด็กแว้นยามค่ำคืน ไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นระหว่างทำวิจัย ซึ่งเป็นความสะเทือนใจอย่างมากแม้จะเดินหน้าลงพื้นที่เก็บข้อมูลต่อไปได้มากเพียงใด แต่ข้อมูลชุดนี้ก็ยังไม่เคยถูกเล่าที่ไหนนอกจากบทความนี้

ขอให้ดวงวิญญาณของน้องป่านและเอมซีเกมส์ที่เสียชีวิตไประหว่างการลงพื้นที่ไปสู่สุขคติด้วยเถิด


Postproduction เสียงตอบรับและการต่อยอด

หากจะต้องพูดอุปสรรคในการทำงานก่อนวันจัดแสดงคือ ‘ภาพที่ไม่ชัดเจนในหัวของเรา’ ทุกอย่างที่กล่าวไปข้างต้นล้วนเป็นไอเดียและต้องลงมือทำอย่างรวดเร็วในระยะเวลากระชั้นชิด แต่เมื่อไอเดียของเราถูกยัดเข้าไปอยู่ในมือของคนที่ถนัดเรื่องต่าง ๆ งานจึงออกมาค่อนข้างเป็นที่พอใจ ต้องบอกก่อนว่าผีเสื้อราตรีที่ทำด้วยมือตัวเองค่อนข้างอัปลักษณ์ในที่แจ้ง คราบกาวและสิ่งไม่พึงประสงค์ค่อนข้างทำให้หนักใจ สายไฟที่ระโยงระยางไม่รู้ว่าต้องจัดการอย่างไร แต่ท้ายที่สุดก็ได้รับความอนุเคราะห์จากช่างเทคนิคพี่ต้องจี้และพี่กว้างผู้ชำนาญการติดตั้งทุกอย่างได้สวยงามราวกับเสกได้ เมื่อจัดวางทุกอย่างเสร็จสรรพก็เหลือเพียงให้ผู้ชมเดินเข้ามาสัมผัสประสบการ์ณนี้เท่านั้น

“ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าเข้าไปเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วย แล้วไม่ถูกเหยียดกลับบ้างหรอ”

คำถามจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้ให้ความสนใจกับวิธีการเก็บข้อมูล ถามด้วยความฉงน สงสัยในการเลือกหัวข้อที่ดูผาดโผนและไม่น่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีสักเท่าไหร่ เราเองก็เคยคิดเช่นนั้นจนได้ไปลงพื้นที่จริง ๆ ด้วยความที่เคยใช้ชีวิตห้าวเป้งจนได้รับฉายาสก๊อยแห่งคณะมนุษย์ศาสตร์ตั้งแต่ปี 1 จึงได้เล่าให้ฟัง ถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับวัยรุ่นสก๊อยที่ต่อกันติดยังกับรู้จักกันมานาน พร้อมกับเล่าข้อมูลเชิงลึก เช่น การจัดลำดับชนชั้นของวัยรุ่นสก๊อยภายในวัฒนธรรม และพวกเขาได้ยกเอาคนนอกไปไว้ที่อื่นจึงไม่มีปัญหาเลยเมื่อเราบอกกับน้อง ๆ ว่าเราเป็นนักศึกษาปริญญาโทมาทำวิจัยนะ สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือการช่วยเหลืออย่างเต็มที่โดยพวกเธอบอกว่า ชีวิตนี้คงจะไม่ได้รู้จักกับคนที่มาจากเชียงใหม่ หรือคนที่เป็นถึงนักศึกษาปริญญาโท เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกันประสบการณืที่คล้ายกันก็ทำให้วัยรุ่นเหล่านี้อยากแชร์เรื่องราวกับเรามากขึ้นคำถามจากนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้ให้ความสนใจกับวิธีการเก็บข้อมูล ถามด้วยความฉงนในการเลือกหัวข้อที่ดูไม่น่าจะได้รับความร่วมมือที่ดีสักเท่าไหร่ เราเองก็เคยคิดเช่นนั้นจนได้ไปลงพื้นที่จริง ๆ ด้วยความที่ได้รับฉายาสก๊อยแห่งคณะมนุษย์ศาสตร์ตั้งแต่ปี 1 จึงได้เล่าถึงถึงความเป็นธรรมชาติในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับวัยรุ่นสก๊อยที่ต่อกันติดยังกับรู้จักกันมานาน แต่ในชีวิตพวกเธอที่ไม่ได้พบปะคนนอกแน่นอนว่าถูกมองแรงบ้างในตอนแรก ๆ แต่ความจริงใจจากการบอกกับน้อง ๆ ว่าเราเป็นนักศึกษาปริญญาโทมาทำวิจัยนะ สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยพวกเธอบอกว่า ชีวิตนี้คงจะไม่ได้รู้จักกับคนที่มาจากเชียงใหม่ หรือได้คุยกับคนที่เป็นถึงนักศึกษาปริญญาโท เมื่อเราได้แลกเปลี่ยนกันประสบการณ์ที่คล้ายกันก็ทำให้วัยรุ่นเหล่านี้อยากแชร์เรื่องราวกับเรามากขึ้น

“คุณคิดว่าวัยรุ่นเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาของสังคมจริง ๆ หรือ แล้วถ้าเขาทำตัวไร้สาระในวัฒนธรรมแบบนี้คุณคิดเห็นอย่างไร”

ความสงสัยใคร่รู้ของชายหนุ่มที่อัดคำถามเชิงวิชาการกับเราแบบหมัดต่อหมัด มันส์ดีเหมือนกันที่ได้ลับคมความรู้ของตัวเอง เขาเริ่มถามถึงข้อมูลเชิงลึกอื่น ๆ ว่าพวกเธอต้องเจอความไม่พึงประสงค์ใดบ้างในชีวิตและรับฟังอย่างเข้าอกเข้าใจ แต่ก็ไม่อาจห้ามใจถามคำถามแทนสังคมวงกว้างว่าลึก ๆ แล้วเรามองปัญหาวัยรุ่นกลุ่มนี้อย่างไร  

เราตอบกลับไปว่า ลองมองสก๊อยให้เหมือนกับวัยรุ่นชนชั้นกลางในเมืองสิ ธรรมชาติของวัยรุ่นเหมือนกัน คือต้องการท้าทายกับอำนาจอะไรสักอย่างที่กดทับอยู่ เช่นกลุ่มนักเรียนเลว กลุ่มเฟมทวิตต่าง ๆ วัยรุ่นเหล่านี้แค่เติบโตบนสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าหลงผิดแล้วไม่มีคนไกด์ทางให้ พวกเขาก็สามารถสร้างความวุ่นวายเดือดร้อนให้สังคมได้เหมือนกัน ดังนั้นในสังคมทุกวันนี้ที่โครงสร้างเก่ากำลังถูกตั้งคำถามและพังทลายลง เราจะสร้างสังคมใหม่ที่ไม่ exclude วัยรุ่นกลุ่มนี้ได้อย่างไร จะเริ่มต้นมองว่าวัยรุ่นเหล่านี้ว่าเขาไม่ใช่ปัญหาสังคมและให้ความเป็นมุนษย์เท่ากันได้อย่างไร ชายหนุ่มก็ดูพึงพอใจกับคำตอบที่ได้นะ

“ผมว่ามันน่าสนใจมาก ที่ท่าเต้นพวกนี้จริง ๆ แล้วมันไม่มีเสต็ป ก็เหมือนกับชีวิตของวัยรุ่นเหล่านี้ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ต้องตามสเต็ปของสังคมแบบคนทั่วไป” 

อีกหนึ่งไฮไลท์ของงาน คือ อาจารย์ทัศนัย เศรษฐเสรี ที่สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงหม่อฮ่อม รองเท้าแตะ เดินชมงานเงียบ ๆ แต่กลับได้รับความสนใจและถูกขอถ่ายรูปจากประชาชนไม่น้อยไปกว่างานศิลปะที่จัดแสดงอยู่ เข้ามาตอบคำถามถึงการต่อยอดผลงานว่าจะนำไปสู่อะไร หรือทำอะไรต่อไปได้บ้าง

 ต้องยอมรับว่างานของเราไม่ได้เป็นงานที่เน้นฝีมือ หรือเป็นงาน visual ที่สวยงามน่าจับจอง แต่มันเป็นงานที่สื่อสารอย่างซื่อสัตย์ตามข้อมูลแบบโต้ง ๆ เพื่อสื่อสารประเด็นทางเรื่องความเป็นเพศของวัยรุ่นหญิงชายขอบ ซึ่งคำพูดของอาจารย์ได้เข้ามาสะกิดในจุดที่คนในสังคม รวมทั้งเราเองพยายามจะ Standardization กับทุกอย่าง คือการทำให้มีมาตรฐาน มีลำดับขั้นตอนเสียงวิดีโอกำกับท่าเต้น 1 2  3 4 ของฉันลอยล่องขึ้นมา ทำให้ย้อนคิดได้ว่า เออ ทำไมต้องใส่สเต็ปตั้งแต่แรกนะ เพราะชีวิตของน้อง ๆ เองก็ไม่ได้เดินตามมาตฐานสังคมแบบเรา อย่างต้องเรียนจบสูง ๆ ทำงานบริษัท แต่งงานตอนอายุ 25 หรือมีลูกเมื่อสุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกเวิร์คชอปของโครงการ Human ร้าย Human wrong 4 ที่มอบความรู้เป็นวิทยาทานต่อการกระบวนการคิดงานและทำหัวข้อ ขอบคุณทุกคำแนะนำและการร่วมมือจากคนหลาย ๆ ฝ่ายไปจนถึงการสร้างผลงาน ขอบคุณผู้ให้ข้อมูลในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ที่ให้การต้อนรับอย่างดีเสมอมา ขอบคุณเสียงตอบรับของผู้ชมทุกท่านและขอบคุณทีมงานและสมาชิกร่วมค่ายทุกคนที่ช่วยผลักดันกันและกันไปจนสุดความสามารถทำให้เรารู้สึกพึงพอใจกับประสบการณ์ครั้งนี้มากเลยทีเดียว ขอบคุณค่ะ 


ผลงานศิลปะของ
สมาชิก Human ร้าย
ปีที่ 4

สรุปผลงานทั้ง 15 ชิ้น จากสมาชิกในโครงการ Human ร้าย ปีที่4 จัดแสดงที่ Maiiam maiiam contemporary art museum เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน – 18 กรกฎาคม 2021

Pages: 1 2