‘รุ่นเราเอาอะไรมาอ่าน’ วงเสวนาที่ชวนคนรุ่นใหม่มาคุยหนังสือ

ในวันที่ 8 พฤศจิกายน พวกเรา Book Re:public และเพื่อนๆ คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเดินทางไปจัดงานเสวนาเล็กๆ ที่จังหวัดแพร่ ร่วมกับกลุ่ม ABO+ ในชื่องาน ’รุ่นเราเอาอะไรมาอ่าน’ ชวนตัวแทนคนรุ่นใหม่จากจังหวัดเชียงใหม่ ไปเปิดวง Book talk ขนาดกะทัดรัดในพื้นที่บ้านเก่าที่ถูกนำมารีโนเวทให้กลายเป็นห้องโถงสีขาวสองชั้น สำหรับรองรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ในจังหวัดแพร่ให้ได้มีพื้นที่โชว์ศักยภาพ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาเมืองให้เต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ทางปัญญา ภายใต้ชื่อ ABO+ Phrae Creative Wisdom Space   โดยมี ‘พรีเมียร์’ นาวินธิติ  ตัวแทนจากกลุ่ม SAAP 24:7 หนึ่งในสมาชิก Humanร้าย 5,  ‘ขวัญ’ ขนิษฐา ตัวแทนกลุ่ม SYNC space หนึ่งในสมาชิก Human ร้าย5  และ ‘เจ๋ง’ สิรศิลป์ ตัวแทนนักศึกษาสาขา Media art and Design มหาลัยเชียงใหม่  ในงานเสวนาจัดขึ้นจาก ความเห็นของ […]

เพราะรักและการปฏิวัติ จึงอ่านต่อ

Book Re: public อยากชวนทุกคน”อ่านต่อ”จากหนังสือ “รัก และ การปฏิวัติ” โดย ธิกานต์ ศรีนารา แกะรอยงานวรรณกรรมชิ้นสำคัญ สอดส่องประวัติศาสตร์และบรรยากาศความรักที่ก้าวหน้า กับหนังสือแนะนำอ่านต่อ และหนังสือบางส่วนที่ถูกยกขึ้นมาวิเคราะห์ในเล่มนี้เพื่อทำความเข้าใจมิติต่างๆ ของบรรยากาศหนุ่มสาวที่ก้าวหน้าในประวัติศาสตร์ไทย(ในช่วงทศวรรษ 2490–2520). รักและการปฏิวัติ จากหนังสือ รักและการปฏิวัติโดย ธิกานต์ ศรีนาราที่พูดถึงการเมืองวัฒนธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่ของงานวรรณกรรม กวี และบทเพลงของไทยในช่วงสงครามเย็น จนถึงช่วงสงครามประชาชนในทศวรรษ 2510 การต่อสู้ช่วงชิงนิยามของ”ความรัก” ที่ให้ฝูกโยงกับวิถีชีวิต”สามัญชน” ในขณะเดียวกันยิ่งตอกย้ำความเข้มข้นการวิพากษ์ ชนชั้น“ศักดินา” ซึ่งการเมืองวัฒนธรรมเหล่านี้ส่งต่ออุดมการบรรยากาศของ”การปฏิวัติ”เพื่อความหวัง ความฝันแบบใหม่ไปควบคู่กับการก่อร่างสร้างอัตลักษณ์ของความเป็นประชากรโลกที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของคนหนุ่มสาวที่ไม่อาจหวนกลับไปสู่ระบบอำนาจ ขนบ ธรรมเนียมล้าหลังอีกต่อไป ในเล่มนี้ยังมีหนังสือและงานวรรณกรรมที่ถูกหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์และชวนอ่านต่อที่น่าสนใจเช่น และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฎ โดย ประจักษ์ ก้องกีรติ , ปีศาจ โดย เสนีย์ เสาวพงศ์ , จนกว่าเราจะพบกันใหม่ โดย ศรีบูรพา และอื่นๆ  อ่านต่อ หมวดประวัติศาสตร์“ปฏิวัติ” ทำความเข้าใจปรากฎการณ์ทางการเมือง บรรยากาศของการลุกขึ้นมาปฎิวัติในชีวิตประจำวันของคนวัยหนุ่มสาวและกลุ่มหัวก้าวในช่วง 2475-2500 ในไทยกับหนังสือ […]

[Book Re:commendation]เบสเมนต์ มูน

3 ตุลาคม ค.ศ. 2016, นักเขียนไทยวัยกลางคนชื่อปราบดา หยุ่น ได้รับข้อความประหลาดผ่านโทรศัพท์มือถือบงการให้เขาเดินทางไปยังตึกร้างในย่านเก่าของกรุงเทพฯ แม้ไม่เข้าใจอะไรนัก, และมีความเป็นไปได้ที่จะเสียสติเพราะความหดหู่ของบรรยากาศสังคม, เขายอมทำตามคำสั่งลึกลับนั้น. การสื่อสารปริศนาเกลี้ยกล่อมให้ปราบดาคิดว่ากการกระทำของเขาจะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น. เรื่องเล่าที่ปราบดาได้ฟังในห้องของตึกร้างซับซ้อนพิสดารกว่าที่เขาจะสามารถจินตนาการเอง. มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคต, ความรุนแรงและความสูญเสียระดับชาติที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบกว่าปีข้างหน้า, ไกลไปถึงความเป็นไปของสังคมไทยและโลกในปี ค.ศ. 2069, ยุคสมัยที่เทคโนโลยีก้าวไกลถึงขั้นสร้าง “จิตสำนึกประดิษฐ์” ได้สำเร็จ. จิตสำนึกประดิษฐ์ส่วนหนึ่งตกเป็นเครื่องมือขององค์กรลับชื่อ “โววา” ซึ่งถูกตั้งขึ้นเพื่อรับใช้กลุ่มประเทศอำนาจนิยม, ทางการไทยก็ต้องการใช้เทคโนโลยีนี้ค้นหาและกำจัดขบวนการใต้ดินที่กำลังเริ่มแพร่เชื้อกระด้างกระเดื่องด้วยข้อมูลทางศิลปวัฒนธรรม, พยายามรื้อฟื้นความทรงจำหมู่ในประวัติศาสตร์ที่ทางการได้ลบล้างไปเป็นเวลานาน. เหมือนเป็นเรื่องแต่งไซไฟ-แฟนตาซี, แต่สิ่งที่ห้องร้างป้อนใส่การรับรู้ของปราบดาดูจะเชื่อมโยงกับโลกจริงอย่างไม่น่าเชื่อ. จิตสำนึกประดิษฐ์ในอนาคตอาจเป็นสิ่งที่ทำให้ห้องนั้นสามารถ “คุย” กับปราบดาได้. เรื่องเล่าของห้องร้างพาไปรู้จักกับ “สุญสตรี” และ “สำเนาสำนึก” ภายใต้ชื่อ “ญานิน” และรื้อฟื้นเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น, แต่กลับเหมือนเป็นความทรงจำของใครบางคน. เบสเมนต์ มูนโดย ปราบดา หยุ่นสำนักพิมพ์ ไต้ฝุ่น

[Book Re:commendation]ฟ้าบ่กั้น

“ลาว คำหอม” เคยกล่าวไว้อย่างเจียมตนเกี่ยวกับหนังสือรวมเรื่องสั้น ฟ้าบ่กั้น ของเขาไว้ในคำนำผู้เขียนฉบับภาษาสวีดิชว่า “ถ้าจะได้มีการพยายามจะจัดเข้าในหมวดหมู่วรรณกรรม หนังสือเล็กๆ เล่มนี้ก็คงจะมีฐานะเป็นได้เพียง ‘วรรณกรรมแห่งฤดูกาล’ ฤดูแห่งความยากไร้และคับแค้น ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ยาวนานมากของประเทศไทย” — ดูเหมือนว่าฤดูกาลที่ลาว คำหอม พูดไว้จะยาวนานเป็นพิเศษ เพราะจนวันนี้แม้จะล่วงเลยมากว่า 5 ทศวรรษนับแต่พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรกในปี 2501 แต่เรื่องราวใน ฟ้าบ่กั้น ยังดูเสมือนว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ หรืออันที่จริงควรกล่าวว่าเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้กำลังดำเนินอยู่ต่อหน้าต่อตาเรา ชื่อเสียงหน้าตาตัวละครอาจจะเปลี่ยนไป สถานที่และเหตุการณ์อาจจะแปลกตาไปจากเดิม แต่สารัตถะสำคัญในหนังสือเล่มนี้ยังเป็นสิ่งที่เราควรสำเหนียกและเรียนรู้ เหนืออื่นใด ในยุคสมัยที่เสียงอวดอ้าง “คุณธรรม” “จริยธรรม” “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ดังกัมปนาทกึกก้องกลบเสียงและสิทธิของประชาชนคนจนในชนบทผู้ถูกปรามาสมากขึ้นทุกทีว่า “โง่ งก จน เจ็บ” เช่นที่เป็นอยู่นี้ ฟ้าบ่กั้น ยิ่งเป็นหนังสือที่เราควรจะหวนกลับไปอ่านเป็นอย่างยิ่ง…………. —————บางส่วนจากบทนำ “ฟ้าบ่กั้น หยังว่าให้ห่างกัน” โดย ชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์ ฟ้าบ่กั้นรวมเรื่องสั้นโดย ลาว คำหอม พร้อมบทวิจารณ์โดยชูศักดิ์ ภัทรกุลวณิชย์และภาพประกอบโดยวิทยา หาญวารีวงศ์ศิลป์สำนักพิมพ์อ่าน

[Book Re:commendation] รวมเรื่องสั้น สะพานขาด

เปลวไฟแดงฉานมาถึงเมื่อคืนฟ้าค่ำ บวกกับลมที่โหมกระหน่ำ กองทัพไฟรุดหน้าอย่างรวดเร็วมุ่งตรงมายังนากว่าสิบไร่ ที่รวงทองยังส่ายโอนเอน ผมไม่มีวันลืมภาพหญิงชราตนหนึ่งซึ่งถลันออกมาจากบ้านไปอย่างบ้าคลั่ง ออกไปยืนเด่น กางมือหลา อยู่เบื้องหน้านาที่ยังเต็มรวงทอง แกหันหน้าเข้าเผชิญกับไฟทั้งกองทัพซึ่งรุกเข้ามาอย่างรวดเร็วพลางกรีดร้องเหมือนเสียสติ ภายในหมู่บ้านบังเกิดโกลาหลขึ้นยกใหญ่ ต่างหักกิ่งไม้ติดใบสดๆ ออกไปไล่ฟาดเปลวไฟซึ่งรุกเข้ามานั้น ทว่าด้วยลมที่กรรโชกแรง ต่อให้คนอีกหมู่บ้านวิ่งเข้ามาช่วย ไม่มีใครแน่ใจว่าจะหยุดมันได้หรือไม่————————จากเรื่อง สะพานขาด “สะพานขาด” รวมเรื่องสั้นชุดแรกของกนกพงษ์ สงสมพันธุ์ ที่ส่งผลสำคัญต่อวรรณกรรมไทยในสองสามทษวรรษที่ผ่านมา นำด้วย 2 เรื่องสั้นรางวัลช่อการะเกด “สะพานขาด” และ “โลกใบเล็กของซัลมาน” ตามด้วยเรื่องอื่นๆ ที่เขียนขึ้นในห้วงยามแห่งความคลี่คลายจากวรรณกรรมเพื่อชีวิตมาสู่วรรณกรรมยุคใหม่ ภาพของคนหนุ่มนักแสวงหาที่ตั้งคำถามและพยายามทำความเข้าใจสังคมและผู้คนทำให้งานเหล่านี้ยังคงความสดใหม่ ที่ทำให้คนรุ่นต่อมายังคงเสาะหาและปรารถนาจะได้สัมผัส…. รวมเรื่องสั้น สะพานขาด ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 9 โดย กนกพงษ์ สงสมพันธุ์สำนักพิมพ์นาคร

[Book Re:commendation]ผู้หญิงสีฟ้า

โลกนี้หญิงชายเป็นผู้สร้าง แต่ว่าปัญหาอยู่ในการสร้างโลกของแต่ละคนช่างแตกต่างกันไปตามแต่วิธีการของส่วนตัว นี่อาจจะเป็นแนวทางสำคัญของการสร้างสรรค์วรรณกรรมของคุณชมัยภร แสงกระจ่างก็เป็นได้ เพราะคุณชมัยภรมักบอกเสมอว่า “ไม่ชอบเขียนเรื่องแบบเดิม” ดังนั้นมิไยที่บรรณาธิการ นักอ่าน แฟนคลับ จะเรียกร้องว่า “เขียนเรื่องแบบนั้นอีกสิ” “อยากอ่านเรื่องแบบนี้” คุณชมัยภรมักจะตอบว่า “ก็เขียนไปแล้วนี่” … “ผู้หญิงสีฟ้า” เป็นนวนิยายที่เคยเขียนลงเป็นตอนในนิตยสารขวัญเรือน อ่านต้นเรื่องเหมือนจะเป็นเรื่องบู๊ เพราะนางเอกอยู่ในแวดวงสีดำ แต่ด้วยความเป็นนักเขียนแบบชมัยภร ในที่สุด ผู้หญิงสีฟ้า จึงกลับเป็นเรื่องชีวิต ที่ทำให้ผู้อ่านต้องกลับมามองตัวเองอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างครอบครัว ความใส่ใจ และความไว้ใจต่ออีกฝ่าย ที่สำคัญคือการให้ความสำคัญกับอนาคตมากกว่าการจมปลักกับวังวนของปัญหา …. โลกนี้หญิงชายเป็นผู้สร้างแต่ว่าปัญหาอยู่ที่การสร้างโลกของแต่ละคนช่างแตกต่างกันไปตามแต่วิธีการของส่วนตัว นี่อาจจะเป็นแนวทางสำคัญของการสร้างสรรค์วรรณกรรมของคุณชมัยภร แสงกระจ่าง ก็เป็นได้เพราะคุณชมัยภรมักบอกเสมอว่า “ไม่ชอบเขียนเรื่องแบบเดิม” ปัญหาบางอย่างก็แบบนี้แหละ…เป็นวงซ้อนวงขยายกันไปเรื่อยๆ เราต่างมีโลกส่วนตัว ฉันไม่อยากตอบคำถาม นายไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร…ฉันพอใจแค่นี้แหละ นั่นคือความจริงของชีวิต เขาผงเข้าตา เขานั้นมีผงเข้าตามาตลอดชีวิต ผงแห่งความหลง ผงแห่งโมหะ…. ผู้หญิงสีฟ้าโดย ชมัยภร แสงกระจ่างสำนักพิมพ์คมบาง